เรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วผ่านไปหลายปี กลายเป็นว่ากลุ่มออโตบอทส์ถูกฝ่ายรัฐบาลตามล่าเอาชีวิตอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยการนำของอดีตทหารรักชาติอย่างบ้าคลั่ง แฮโรลด์ แอททิงเจอร์ และหัวหน้าทีกระหายเลือดเจมส์ ซาวอย ในขณะที่ออพติมัสไพร์มที่แฝงกายเป็นรถเก่าบุโรทั่งและได้รับการซ่อมจากพ่อหม้ายลูกติดเคด เยเกอร์ และลูกสาววัยทีนเทซซา ส่งผลให้พวกเขาต้องหนีการตามล่าทั้งจากมนุษย์และหุ่นยนต์ฝ่ายตรงข้าม เคดจึงต้องหาความจริงจนพบว่า โจชัวร์ จอยส์ นักวิทยาศาสตร์เทคโนฯ อยู่เบื้องหลัง ที่เลวร้ายกว่านั้นคือห้องทดลองของโจชัวร์สามารถสร้างหุ่นยนต์เลียนแบบออพติมัสไพร์มแต่แท้จริงคือ กัลวาเลียน ร่างอวตารของเมก้าทรอนคู่ปรับตลอดกาลของออพติมัสไพร์ม
ไมเคิล เบย์ ที่เคยโชว์วิสัยทัศน์ด้านภาพในภาคแรกของ Transformers และสานถึงภาค 3 ก่อนจะบอกว่าพอแล้ว (แต่ไม่จริง) จนกระทั่งพาราเมาส์ยอมให้เบย์ได้หนังส่วนตัวตลกร้ายอย่าง Pain & Gain ก่อนที่จะกลับมาทำภาค 4 อีกครั้ง และแน่นอนว่าเบย์บอกว่าพอแล้ว (อีกครั้ง) แต่มันจะจริงหรือ? ใน TF4 เบย์ชัดเจนที่จะให้คนดูได้รู้ว่างานนี้มีตอนต่ออีก จากเนื้อหาภายในเรื่อง เซนต์ในการนำเสนอด้านภาพและฉากแอ็คชั่นของเบย์ยังคงไว้ใจได้สมราคา "ยอดผู้กำกับ หนังระเบิดภูเขาเผาตึก" แต่งานด้านบทหนังกลับเลื่อนลอยโดยมีปูมหลังและเหตุผลอย่างเบาบาง แถมหนังยาวถึง 165 นาที เกือบสามชั่วโมง จึงขอแนะนำว่าอย่าดื่มน้ำก่อนดูหนังมากเกินไปแล้วท่านจะลำบาก อันที่จริงตัดออกสักครึ่งชั่วโมงน่าจะกำลังดี
ตามสไลต์หนัง TF ที่ตัวละครฝั่งมนุษย์จะเป็นแค่ตัวประกอบในขณะที่กลุ่มหุ่นยนต์ทั้งฝ่ายดีฝ่ายร้ายต่างเป็นตัวละครเอก แต่จะแปลกอะไรในเมื่อคนดูส่วนใหญ่ต้องการเข้าไปดู ออโตบอทส์กับดีเซปติคอนส์ ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายมากกว่า ซึ่งเบย์ก็ตอบสนองความต้องการนั้นของคนดูชนิดจัดเต็ม โดยเฉพาะแอ็คชั่นในฮ่องกงช่วงท้ายเรื่องที่ลากยาวกว่าเกินกว่าครึ่งชั่วโมง!